Form E เป็นแบบฟอร์มสำคัญที่ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่เป็นผู้ประกอบการมือใหม่อาจยังไม่เข้าใจว่า Form E คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรกับการนำเข้าสินค้า ในบทความนี้ Siam China Cargo ได้สรุปเนื้อหาของแบบฟอร์มชนิดนี้ และรายละเอียดยิบย่อยที่ผู้นำเข้าสินค้าจากจีนควรทราบ พร้อมตอบทุกคำถามที่เกี่ยวข้องกับ Form E PE อาทิ เอกสาร Form E คืออะไร Form E ช่วยอะไรได้บ้าง หรือ Form E ทำเองได้ไหม? จะมีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลย
Form E คืออะไร จำเป็นหรือไม่สำหรับการนำเข้าสินค้า
Form E คือ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรอย่างการลดหย่อนภาษีนำเข้า สำหรับการนำเข้าสินค้าจากประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN) และจีน ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) โดย Form E มีลักษณะดังต่อไปนี้
- จะต้องพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ
- เอกสารจะต้องระบุรายละเอียดสินค้า, ประเภทสินค้า, น้ำหนัก, ปริมาณ, มูลค่า, ข้อมูลผู้ส่งออก- ผู้รับเข้า และต้องมีการลงนามโดยผู้ส่งออก
- แสดงรายการสินค้าได้ไม่เกิน 20 รายการ
- ข้อมูลที่ระบุอยู่ใน Form E จะต้องตรงกับเอกสารอื่น ๆ ที่ใช้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก
- Form E มีอายุการใช้งาน 1 ปี นับจากวันที่ออกหนังสือรับรอง
12 ส่วนประกอบสำคัญใน Form E ที่ผู้ประกอบการควรรู้
Form E เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ในการนำเข้าสินค้าจากจีน ดังนั้นข้อมูลทุกส่วนที่อยู่บนเอกสารจะต้องตรงกับข้อมูลในเอกสารอื่น ๆ ที่ใช้ในการนำเข้าสินค้า ไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่มีโอกาสที่จะปฏิเสธ Form E และส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร ซึ่งปัจจุบันทางกรมศุลกากรได้มีการใช้งาน Form E รูปแบบใหม่ที่ได้ผ่อนคลายระเบียบบางส่วนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้นำเข้าสินค้า โดยตัวอย่าง Form E ที่ถูกต้องจะต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้
- ชื่อ ที่อยู่ และประเทศของผู้ส่งออกสินค้า อ้างอิงตามหน้าเอกสาร Invoice
- ชื่อ ที่อยู่ และประเทศของผู้นำเข้าหรือผู้รับสินค้า อ้างอิงตามหน้าเอกสาร invoice
- วันที่ผู้ส่งออกทำการส่งออกสินค้า, ชื่อของเรือ, รอบเครื่องบิน หรืออื่น ๆ เช่น เมืองท่าปลายทาง
- ช่องสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจกระทำการในการให้สิทธิ์หรือปฏิเสธสิทธิ์
- ลำดับรายการสินค้าตั้งแต่ 1 ถึง 20 รายการ
- เครื่องหมายและเลขหมายบนหีบห่อ
- จำนวนและชนิดของหีบห่อ รายละเอียดสินค้า รวมถึงพิกัดศุลกากรหรือ HS Code โดยผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบพิกัดศุลกากรได้ที่เว็บไซต์ itd.customs.go.th
- เกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้า เช่น WO (Wholly Obtained Products) สัดส่วนเป็น % และ PSR (เป็นไปตามกฎเฉพาะรายสินค้า)
- น้ำหนักรวม (Gross Weight) หรือปริมาณอื่น ๆ และราคา FOB
- เลขที่และวันที่ของ Invoice
- ชื่อประเทศผู้ผลิต, ชื่อประเทศผู้นำเข้า, สถานที่ วันที่ และลายเซ็นของผู้ส่งออก
- สถานที่, วันที่, ลายมือชื่อ และตราประทับของผู้มีอำนาจในการออก Form E
Form E มีประโยชน์อย่างไร และสำคัญอย่างไรกับการนำเข้าสินค้า?
นอกจาก Form E จะเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องใช้ในการนำเข้าสินค้าจากจีนแล้ว ยังเป็นเอกสารที่ช่วยอำนวยความสะดวกและทำให้ผู้นำเข้าสินค้าได้ประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย โดยสิทธิประโยชน์จาก Form E ที่ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าจากจีนจะได้รับ มีดังต่อไปนี้
- ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร เนื่องจาก Form E จะช่วยให้ผู้นำเข้าสินค้าจากจีนได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร อาทิ การยกเว้นภาษีนำเข้าหรือเสียภาษีในอัตราที่ต่ำลงขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า
- ลดต้นทุนการนำเข้า เพราะการได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าหรือเสียภาษีในอัตราที่ต่ำลง จะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า ส่งผลให้ราคาสินค้ามีการแข่งขันมากขึ้น
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สินค้าที่มีราคาต้นทุนต่ำ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดให้สูงขึ้นได้
- สร้างความมั่นใจให้คู่ค้า Form E จะช่วยแสดงถึงความน่าเชื่อถือของผู้ส่งออกและผู้รับเข้า ทำให้คู่ค้าเกิดความมั่นใจในการร่วมทำธุรกิจ
- ลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหา การนำเข้าสินค้าพร้อม Form E จะช่วยลดความเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาการนำเข้าสินค้า เช่น การถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม
ขั้นตอนการขอ Form E มีอะไรบ้าง และต้องใช้เอกสารอะไร หาคำตอบได้ที่นี่
ขั้นตอนการขอเอกสาร Form E นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าใครที่ใช้บริการชิปปิ้งนำเข้าสินค้าจากจีนก็สามารถให้ชิปปิ้งเป็นตัวแทนดำเนินการขอ Form E ได้ เพราะนอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการแล้ว ยังช่วยลดความผิดพลาดในการขอเอกสารได้อีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการขอ Form E ด้วยตนเองแต่ยังไม่รู้ว่าจะขอ Form E ได้ที่ไหน และต้องเตรียมตัวอย่างไร ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะการขอ Form E นั้นสามารถติดต่อขอได้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยสามารถเตรียมเอกสารและดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมเอกสารที่ใช้ในการขอ Form E
- ใบกำกับสินค้า หรือใบ Invoice
- ใบขนสินค้า หรือ Bill of Lading
- สัญญาซื้อขาย หรือ Sales Contract
- หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ Certificate of Origin
- ใบมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้ดำเนินการด้วยตนเอง)
เอกสารประกอบเพิ่มเติม
- ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (กรณีเป็นนิติบุคคล)
- สำเนาทะเบียนการค้า (กรณีเป็นนิติบุคคล)
- สำเนาบัตรประชาชน (กรณีเป็นบุคคลธรรมดา)
ขั้นตอนที่ 2 : ยื่นขอ Form E กับกรมการค้าต่างประเทศ
การยื่นขอ Form E กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์นั้น สามารถดำเนินการได้ 2 ช่องทางดังต่อไปนี้
1. ยื่นขอผ่านระบบออนไลน์
- เข้าสู่เว็บไซต์ edi.dft.go.th
- เลือกเมนู “บริการ” > “หนังสือรับรอง” > “หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า”
- กรอกข้อมูลและแนบเอกสาร
- ชำระค่าธรรมเนียม
- รอรับ Form E ทางอีเมล
2. ยื่นขอด้วยตนเอง
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
- ติดต่อยื่นขอที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
- ชำระค่าธรรมเนียม
- รอรับ Form E
สามารถติดต่อหน่วยงานที่ออกใบ Form E ได้จากช่องทางใดบ้าง?
การขอ Form E นั้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยหากเราใช้บริการชิปปิ้งในการนำเข้าสินค้าจากจีน ก็สามารถให้ชิปปิ้งเป็นตัวแทนในการติดต่อหน่วยงานที่ออกใบ Form E ได้ แต่หากใครขอ Form E ด้วยตัวเองก็สามารถติดต่อขอได้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
- เว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์: www.dft.go.th
- เบอร์โทรศัพท์กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ : 02-547-4000
- ติดต่อด้วยตนเองที่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 563 ถนนนนทบุรี ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Form E
การขอฟอร์ม E คือขั้นตอนสำคัญขั้นตอนหนึ่งสำหรับพิธีการศุลกากรหรือ Custom Clearance เป็นการขออนุญาตนำเข้าหรือส่งออกสินค้า ซึ่งหลายคนอาจจะรู้จักรายละเอียดของ Form E กันไปแล้ว แต่บางคนอาจจะยังมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับ Form E กันอยู่ ดังนั้นเราจึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Form E พร้อมคำตอบมาฝากผู้ประกอบการทุกคนกัน ดังนี้
ขอ Form E ใช้เวลานานไหม?
การขอ Form E จะใช้เวลาประมาณ 3-5 วันทำการ ดังนั้นผู้ประกอบการควรวางแผนการขอ Form E ล่วงหน้าก่อนการนำเข้าสินค้า
การขอ Form E มีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่?
การขอ Form E มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 200 บาทต่อชุด
กรอกข้อมูลใน Form E ผิดพลาด ทำอย่างไรได้บ้าง?
หากข้อมูลในใบ Form E ผิดพลาดและต้องการแก้ไขก็สามารถทำได้โดยการขีดฆ่าข้อมูลเดิม จากนั้นเขียนหรือพิมพ์ข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเข้าไปและรับรองการแก้ไขด้วยการลงชื่อ พร้อมประทับตราโดยเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการออก Form E
สรุป Form E ตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีน
Form E เป็นเอกสารสำคัญฉบับหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำเข้าสินค้าจากจีน เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับสิทธิประโยชน์จากภาษีศุลกากรแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ รวมไปถึงช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของคู่ค้าได้ ถึงแม้การยื่นขอ Form E นั้นจะสามารถทำได้ด้วยตนเองแต่ก็ต้องใช้เอกสารสำคัญหลายรายการ ซึ่งหากมีข้อผิดพลาดก็จะส่งผลให้เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา และอาจส่งผลให้ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากภาษีศุลกากรอีกด้วย
การใช้บริการนำเข้าสินค้าจากจีนอย่าง Siam China Cargo จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการที่กังวลเรื่องการขอ Form E เพราะนอกจากจะช่วยเดินพิธีการศุลกากร รวมไปถึงการยื่นขอ Form E แล้ว เรายังให้บริการนำเข้าสินค้าในราคาถูก มีระบบและขั้นตอนที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน เหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ร้านค้าส่ง-ค้าปลีก และกลุ่มบริษัทที่ต้องการนำเข้าสินค้าจากจีน ผู้ที่สนใจบริการนำเข้าสินค้าจาก Siam China Cargo สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้จากช่องทางดังต่อไปนี้
- Line: @siamchinacargo
- Facebook : Siam China Cargo : นำเข้าสินค้าจากจีน
Pingback: ข้อตกลง ACFTA คืออะไร ? สำคัญอย่างไรกับการนำเข้าสินค้า
Pingback: Gross weight VS Net weight คืออะไรและต่างกันอย่างไร ?
Pingback: 7 เอกสารนำเข้าสินค้า มีอะไรบ้าง ? | Siam China Cargo